Pasin Lathouras is counting down to what will be his toughest challenge of the season so far, the 69th edition of the 24 Hours of Spa, which takes place at the Spa-Francorchamps Circuit in Belgium next weekend (29-30 July).
The 24-year-old Thai driver returns to the legendary once-round-the-clock endurance race having notched up his biggest career achievement to date – as well as one of the most important by a Thai driver in recent decades – at this track and in this legendary race when he won the PRO-AM class driving an AF Corse Ferrari 458 GT3 here two years ago.
This time Pasin will drive a Ferrari 488 GT3, again with AF Corse, which he will share with Michele Rugolo and Alessandro Pier Guidi in the PRO class. This race is also the fourth round of the Blancpain GT Series Endurance Cup 2017 and the season so far has been a little mixed, it started superbly with pole and a second place finish at Monza, then more points came his way with sixth place at Silverstone, having extracted the best they could with the car’s unrewarding BoP rating for the UK round, before technical problems scuppered their bid at the last round, the Paul Ricard 1000 km, when the crew were right in the hunt for victory.
That sets Pasin and his teammates up for a date with one of the legends of motorsport. Spa-Francorchamps is one of the world’s most famous and demanding circuits and is very tough on both driver and car. The 7.004-km, 20-turn track has however been generally kind to Pasin so far. He impressively won his first ever race here; that, in fact, was a round of International GT Open in 2014.
A year later the young Thai returned to sensationally win the PRO-AM class in the ‘Spa 24’ after a race that was regarded as being one of the toughest on record as rain, wind and fog battered the field over twenty-four hours and resulted in ten Safety Car periods. In fact, just a month after that hugely impressive victory Pasin returned to the circuit, which is located in the heart of Belgium’s Ardennes forest, for a round of International GT Open, and the Thai driver claimed his third win here, again after a race that was battered by the elements.
Last year Pasin was back to contest the 24 Hours of Spa for a second time, this time driving a Ferrari 488 GT3. It rained just as the cars formed up on the grid, that was a sign of things to come. After briefly leading early on two laps were lost as the car was towed out of a saturated gravel trap and that plunged the crew down to forty seventh place. The drivers responded and battled up sixth place before a stuck wheel during a pitstop cost more time. They fought back again, with one highlight being the Thai driver unlapping himself from the race leader, but with just a couple of hours remaining on the clock Pasin suffered a left rear tyre blowout heading down the hill from La Source to Eau Rouge at around 230 km/h. That’s as big as it gets in motor racing – however he kept the car out of the barriers, limped round the lap to the pits and eventually the car came home in sixteenth place.
So for Pasin there have been real highs as well as times he’s been forced to battle just to survive in what is biggest endurance race in the world to be reserved exclusively for ‘FIA GT3’ cars. The 24 Hours of Spa was first run in 1924, which makes it only one year younger than the Le Mans 24 Hours. That the race takes place on one of motorsport’s most iconic and demanding circuits, Spa-Francorchamps, simply adds to its prestige, while tackling legendary sections – such as Eau Rouge, Raidillon, Stavelot and La Source – in the darkness and on a circuit where sixty-five GT3 cars will be in action takes plenty of skill as well as quite a lot of bravery. Pasin always says he enjoys the demanding high-speed tracks most of all and so it was no surprise that he instantly loved Spa-Francorchamps.
The Spa 24 programme starts next Wednesday (26 July) with the traditional ‘parade’ of the racecars into the City of Spa where they assemble and the drivers take part in an autograph session – and it always draws huge crowds. The next day (Thursday 27 July) sees the competitive action on track getting underway with the Free Practice (90 mins, 1150-1320 – all time are local, CET) before winding up into the night with Pre Qualifying (60 mins, 1745-1845), Qualifying (75 mins, 2010-2125) and Night Qualifying (120 mins, 2155-2355). The night qualifying sessions are mandatory for all drivers taking part in the race.
Friday (28 July) firstly sees the 30-minute Warm Up Session (1850-1920), which is then followed by the 30-minute ‘Superpole’ shootout, the latter reserved for the fastest cars in qualifying. Then it’s on to raceday, Saturday (29 July), and the 69th 24 Hours of Spa gets underway in the late afternoon at 1630 with the survivors set to see the chequered flag being waved 24 hours later at 1630 on Sunday (30 July).
Pasin Lathouras: “I can’t wait for this race, the track is amazing and my first time in the Spa 24 was simply unreal to finish on the top step of the podium but then last year we really took a lot of knocks but we kept bouncing back and I think we have proved we have the stamina and desire to challenge for the podium positions, which is for sure what we will be doing next week. Everyone has shown pace so far this year, car, drivers, team so we look forward to knuckling down to the challenge, working hard and of course at Spa we also need a little bit of luck on our side.”
“พศิน” พร้อมสู้ศึกสุดโหด สปา 24 ชั่วโมง ตั้งเป้าคว้าแต็มสำคัญ
พศิน ลาทูรัส ดาวขับไทยวัย 24 ปี นับถอยหลังสู่การแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตสุดโหดระดับตำนานของโลก รายการ สปา 24 ชั่วโมง ครั้งที่ 69 ในประวัติศาสตร์ ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 29-30 กรกฎาคมนี้ ที่สนาม สปา-ฟรังก์คอร์ฌองส์ ประเทศเบลเยี่ยม โดยตั้งเป้าคว้าแต้มให้ได้เยอะที่สุดเพื่อการลุ้นแชมป์ประจำปี
นักขับไทยเตรียมตัวกลับสู่การแข่งขันอีกครั้งหลังเว้นช่วงกว่า 1 เดือน ในศึก บลองค์ จีที ซีรีส์ เอ็นดูรานซ์ คัพ 2017 สนาม 4 ซึ่งจะดวลความโหดแบบ 24 ชั่วโมง ในระยะทางยาวนานที่สุดของฤดูกาล ที่ สปา-ฟรังก์คอร์ฌองส์ ประเทศเบลเยี่ยม ซึ่งถือเป็นสนามแจ้งเกิดของ พศิน อย่างเต็มตัว จากการคว้าแชมป์ในรุ่น โปร-แอม ภ้ายใต้การควบรถแข่ง เฟอร์รารี่ คอร์เซ 458 จีที3 เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมากับสังกัด เอเอฟ คอร์เซ่
อย่างไรก็ดี ในฤดูกาล 2017 พศิน ยังคงร่วมงานกับต้นสังกัดเดิมอย่าง เอเอฟ คอร์เซ ทว่าได้มีการอัพเกรดรถแข่งมาเป็น เฟอร์รารี่ 488 จีที3 โดยร่วมงานกับทีมเมทอิตาเลียนอย่าง มิเคเล รูโกโล และ อเลสซานโดร ปิแอร์ กูดี โดยขยับขึ้นไปแข่งขันในโปร-คลาส ซึ่งเป็นรุ่นใหญ่ที่สุดของรายการ
โดยในปี 2017 พศิน และทีมเมท ออกสตาร์ทได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการออกสตาร์ทจากโพลและจบเรซอันดับ 2 บนโพเดี้ยมที่ มอนซ่า ประเทศอิตาลี ก่อนจะเดินทางไปเก็บแต้มเพิ่มได้ที่ ซิลเวอร์สโตน ในสหราชอาณาจักร ด้วยการคว้าอันดับ 6 กับการโดนบวกค่าถ่วงดุลย์สมรรถนะรถแข่ง (BoP Rating) ทว่านักขับไทยและทีมเอเอฟ คอร์เซ ต้องมาเจอปัญหาด้านเทคนิคในการแข่งขันสนามล่าสุดที่ พอล ริคาร์ด ประเทศฝรั่งเศส ในรายการ พอล ริคาร์ด 1,000 กม. ซึ่งทำให้เสียโอกาสในการลุ้นแชมป์อย่างน่าเสียดาย
ทั้งนี้ ในสุดสัปดาห์สุดท้ายของเดือนกรกฎาคมนี้ พศิน และทีมเมทมีคิวเดินทางไปแข่งขันในสนามระดับตำนานมอเตอร์สปอร์ตโลก โดย สปา-ฟรังก์คอร์ฌองส์ ถือเป็นหนึ่งในสนามแข่งขันที่นักขับทั่วโลกต้องการไปเยือน และแน่นอนว่าที่นั่นจะรวมเอาสุดยอดนักขับและรถแข่งชั้นนำของโลกเอาไว้ ภ้ายใต้แทร็กที่มีระยะทาง 7.004 กม. ประกอบด้วย 20 โค้ง ซึ่ง พศิน สร้างผลงานอันยอดเยี่ยมไว้กับชัยชนะครั้งแรกในศึก อินเตอร์เนชั่นแนล จีที โอเพ่น 2014
หลังจากนั้น 1 ปี พศิน กลับไปที่ สปา-ฟรังก์คอร์ฌองส์ อีกครั้งพร้อมกับคว้าชัยชนะในรุ่น โปร-แอม ท่ามกลางสภสพอากาศแปรปรวนซึ่งมีทั้ง ลมแรง ฝนกระหน่ำ และการออกมาวิ่งนำของเซฟตี้คาร์หลายต่อหลายครั้ง ตลอด 24 ชั่วโมงเต็มของการแข่งขัน โดยก่อนหน้านั้นเพียง 1 เดือน พศิน ก็ได้เข้าร่วมแข่งขันในรายการ อินเตอร์เนชั่นแนล จีที โอเพ่น ในย่าน อาร์เดเนส ของประเทศเบลเยี่ยม ซึ่งคว้าชัยชนะครั้งที่ 3 มาครองได้สำเร็จ
ในปีที่ผ่านมา พศิน เข้าร่วมแข่งขันในศึก สปา 24 ชั่วโมง เป็นครั้งที่ 2 โดยเปลี่ยนมาใช้รถแข่ง เฟอร์รารี่ 488 จีที3 ซึ่งมีฝนเทลงมาอย่างหนักก่อนที่รถแข่งทุกคันจะเข้าสู่กริดสตาร์ท พศิน ออกสตาร์ทได้อย่างยอดเยี่ยมก่อนจะขยับขึ้นเป็นผู้นำได้ตั้งแต่รอบที่ 2 ทว่ากลับต้องเสียการควบคุมลงไปหมุนบนพื้นหญ้าจนร่วงลงไปอยู่ในอันดับ 7 และชิงอันดับ 6 มาได้ก่อนเข้าพิต ซึ่งอีกหนึ่งจุดเปลี่ยนของ พศิน ในเรซดังกล่าวคือการควบรถแข่งลงจากเนินลาซาซไปยังโอรูกด้วยความเร็วสูง 230 กม./ชม. ทว่ากลับมาปัญหาที่ล้อหลัง ส่งผลให้หลุดโค้งพุ่งไปชน บาร์ริเออร์ ส่งผลให้ร่วงลงไปอยู่อันดับ 16
อย่างไรก็ดี พศิน ยังคงต่อสู้อย่างหนักเพื่อให้สามารถอยู่ในการแข่งขันเอ็นดูรานซ์สุดโหดของโลกอย่าง สปา 24 ชั่วโมง ในรายการที่โหดที่สุดของรถแข่ง เอฟไอเอ จีที3 ซึ่งถือเป็นหนึ่งในรายการเก่าแก่ที่สุดในโลก จะเป็นรองเพียง เลอ มองส์ 24 ชั่วโมง แค่ปีเดียวเท่านั้น โดยมีโค้งระดับตำนานอย่าง โอรูก, เรดิลยอง, สเตฟโลต์ และ ลาซาซ ภายใต้ช่วงเวลากลางคืน ร่วมกับรถแข่งจีที3 ถึง 55 คัน ซึ่ง พศิน มีความชื่นชอบอย่างมากในสไตล์สนามที่มีความเร็วสูงอย่าง สปา- ฟรังก์คอร์ฌองส์
สำหรับ พศิน ร่วมแข่งขันในศึก บอลงค์แปง จีที เอ็นดูรานซ์ ซีรีส์ ภายใต้การสนับสนุนจาก นารายา, ลาลามา, นารา บาย นารายา, การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และการกีฬาแห่งประเทศไทย
โปรแกรมการแข่งขัน สปา 24 ชั่วโมงจะออกสตาร์ทในวันพุธที่ 26 ก.ค. ด้วยกิจกรรมสุดยิ่งใหญ่เพื่อแสดงถึงตำนานของ สปา-ฟรังก์คอร์ฌองส์ ด้วยขบวนพาเหรดที่มีรถแข่งระดับตำนาน นักขับระดับตำนาน เพื่อการเก็บภาพประวัติศาสตร์ ก่อนที่ในวันถัดมา (พฤหัสบดีที่ 27 ก.ค.) รถแข่งจะเริ่มลงสู่แทร็กเพื่อทำการซ้อมครั้งแรกเป็นเวลา 90 นาที (11.50-13.20 น. เวลาท้องถิ่น) และลงแข่งขันรอบพรี-ควอลิฟายในวันเดียวกันช่;งกลางคืนเป็นเวลา 60 นาที (17.45-18.45 น. เวลาท้องถิ่น) ก่อนจะลงจับเวลารอบควอลิฟายเป็นเวลา 75 นาที (20.10-21.45 น. เวลาท้องถิ่น) จากนั้นจะลงจับเวลาแบบ ไนท์ควอลิฟายเป็นเวลา 120 นาที (21.55-23.55 น. ตามเวลาท้องถิ่น) โดยในช่วงไนท์ ควอลิฟาย นักขับทุกคนจะต้องมีส่วนร่วมในเซสชั่นด้วย
โดยในวันศุกร์ที่ 28 ก.ค. จะทำการวอล์มอัพครั้งแรกเป็นเวลา 30 นาที (18.50-19.20 น.) ก่อนจะลงดวลในรอบซูเปอร์โพล 30 นาที เพื่อหารถแข่งที่เร็วที่สุดในการควอลิฟาย ซึ่งการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศจะออกสตาร์ทในวันเสาร์ที่ 29 ก.ค. โดยจะเริ่มปล่อยตัวในเวลา 16.30 น. และไปรับธงหมากรุกกันอีกครั้งในเวลาเดียวกันของวันอาทิตย์ที่ 30 ก.ค.
พศิน เปิดเผยว่า “ผมแทบอดใจรอไม่ไหวสำหรับการแข่งขันเรซนี้ แทร็กของ สปา-ฟรังก์คอร์ฌองส์ มหัศจรรย์มาก และการแข่งขันครั้งแรกของผมที่ สปา ก็น่าประทับใจมากเพราะผมสามารถขึ้นไปอยู่จุดสูงสุดของโพเดี้ยมได้สำเร็จ แต่ในปีที่ผ่านมาเราก็ต้องเจอปัญหาหลายอย่างระหว่างเรซ แต่เราก็พิสูจน์ให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและการต่อสู้ที่ไม่แพ้ทีมอื่น จนสามารถไต่ขึ้นโพเดี้ยมได้อีกครั้ง และแน่นอนว่า นี่คือสิ่งที่เราจะทำให้ได้อีกครั้งในสุดสัปดาห์ข้างหน้า ทุกๆ คนในทีมแสดงให้เห็นขีดความสามารถในการต่อสู้ในปีที่ผ่านมา ทั้งรถแข่ง, นักขับและทีมงาน เราต่างมองไปถึงการกลับสู่แทร็กอีกครั้ง ที่ซึ่งมีความท้าทายรออยู่ เพราะที่สปา-ฟรังก์คอร์ฌองส์เราจำเป็นที่ต้องพึ่งพาโชคชะตาเล็กน้อย โดยหวังว่าเทพีแห่งโชคจะอยู่ข้างเรา”
Source. Edd Ellison/Photo John Patterson